6 เคล็ดไม่ลับช่วยประหยัดค่าไฟในหน้าร้อน

6 เคล็ดไม่ลับช่วยประหยัดค่าไฟในหน้าร้อน
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงมากขึ้น ค่าใช้จ่ายรายเดือนต่างๆ อย่างค่ากินอยู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ก็พลอยจะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าไฟภายในบ้านที่มักจะสูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน
ดังนั้น วันนี้เรามี 6 เคล็ดลับดีๆ ช่วยประหยัดค่าไฟภายในบ้านมาฝากกันครับ
1. เปิดหน้าต่างรับลม ระบายอากาศให้มีการถ่ายเถอยู่ตลอดเวลา
การเปิดหน้าต่างจะช่วยประหยัดไฟได้ดี เพราะช่วยให้แสงและลมธรรมชาติหมุนเวียนเข้ามาในบ้านได้อย่างเต็มที่ จะทำให้บ้านมีแสงสว่าง โดยไม่ต้องเปิดไฟและอากาศเย็นโดยไม่ต้องเปิดครื่องปรับอากาศ อากาศถ่ายเท รับลมธรรมชาติ
2. ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไฟแบบธรรมดา
บางทีเรามัวไปกังวลกับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่จนลืมนึกถึงรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเรื่องชนิดของหลอดไฟที่ใช้ภายในบ้าน ซึ่งการที่ใช้หลอดไฟแบบเก่าทั้งที่เป็นหลอดไส้และตะเกียบจะยิ่งทำให้กินไฟมาก ลองหันมาใช้หลอด LED ดีกว่า เพราะใช้พลังงานน้อยกว่ามาก แต่มีประสิทธิภาพในการส่องสว่างสูง เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบไส้ ซึ่งกินไฟมากกว่าหลอด LED ถึง 10 เท่า อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉลี่ยสูงสุดถึง 50,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5 ปีขึ้นไป
3. ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งานทุกครั้ง
ทุกคนทราบหรือไม่ การเสียบปลั๊กทิ้งไว้ขณะที่เราไม่ได้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ายังมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ ดังนั้นเพื่อการประหยัดไฟ เมื่อเราใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเสร็จแล้วควรปิดและถอดปลั๊กหลังจากเลิกใช้งานทุกครั้ง
4. ไม่เสียบชาร์จมือถือทิ้งไว้เมื่อแบตเต็มแล้ว
โดยปกติถ้าแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจะชาร์จเต็มภายในไม่กี่ชั่วโมง การเสียบชาร์จทิ้งไว้แม้แบตเตอรี่เต็มแล้วจะทำให้กินไฟตลอดระยะเวลาที่เสียบสายชาร์จอยู่ และยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้อีกด้วย เราจึงควรถอดปลั๊กออกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่า
5. เปิดแอร์ที่ 25 องศา
ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่เย็นสบายกำลังดี แถมช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการตั้งอุณหภูมิที่ต่ำลง นอกจากนี้การปิดเครื่องปรับอากาศเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ก่อนออกจากห้อง ก็สามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ด้วยเช่นกัน
6. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5
เราจะเคยเห็นฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ตามเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ ต่างๆ บ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว